ออกมาเคลียร์อีกครั้ง หลังหลายคนจับตามองว่า สาวแพท ณปภา อาจจะเข้าชมรมคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หลังจากช่วงหลังดูเหมือนความสัมพันธ์กับสามีและครอบครัวดูจะห่างเหินกันไป โดยในงาน Auswelllife Grand Opening สาวแพทก็ได้เปิดใจพร้อมอัปเดตอาการป่วยของลูกชาย น้องเรซซิ่ง ด้วย
ภาพจาก Instagram pat_napapa |
เห็นว่าเรซซิ่งไม่สบาย ?
แพท ณปภา : เป็นไวรัสแต่ไม่ใช่ RSV จริง ๆ น้องป่วยตั้งแต่วันศุกร์ ตัวร้อน แล้วคือวันเสาร์ยังไม่ดีขึ้น วันอาทิตย์ก็เลยไปตรวจอีกรอบหนึ่ง แต่คือทางคุณหมอไม่ให้แอดมิต เพราะว่าโรงพยาบาลเตียงเต็ม จะย้ายโรงพยาบาล อีกโรงพยาบาลหนึ่งก็เต็ม ซึ่งทั่วไปตนรู้แล้วว่าเป็นไวรัสธรรมดาที่ไม่ใช่ RSV คุณหมอก็เลยไม่อยากให้อยู่โรงพยาบาลเพราะเดี๋ยวจากไวรัสธรรมดา จะกลายเป็นไวรัสที่ติดจากโรงพยาบาล คุณหมอเลยอยากให้เอากลับบ้าน กลับบ้านมาก็ป้อนยาเช็ดตัว ถ้าไม่ดีจริง ๆ ค่อยว่ากัน ก่อนจะมางานวันนี้ก็เอาไปโรงพยาบาลอีก คุณหมอก็บอกว่าไม่มีอะไร น่าจะเป็นเด็กเจ็บคอ ซึ่งเด็ก ๆ พอเจ็บคอ คอแดง จะไม่เหมือนผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ยังมีภูมิคุ้มกัน แต่เด็กก็เจ็บคอคอแดงเขาจะเป็นไข้ แล้วพอเราเป็นแม่ได้เช็ดตัวแล้วตัวยังร้อนอยู่ เราก็จะกังวลพาไปหาคุณหมอดีกว่า
เขามีอาการงอแงไหม ?
แพท ณปภา : งอแงก็ไม่ต้องนอนกันไปเลยค่ะ ถามว่าเป็นการป่วยที่หนักที่สุดไหม จริง ๆ เรซซิ่งป่วยมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แต่เรารู้สึกเองว่าครั้งนี้หนักสุด เพราะครั้งแรกจำได้ว่าให้น้ำเกลือวันรุ่งขึ้นก็ออกจากโรงพยาบาลเลย แล้วก็แฮปปี้ แต่อาการครั้งนี้วันนี้น่าจะเข้าวันที่ 4 แล้ว ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ดีขึ้นที่สุด คือตั้งแต่เช้ามาเราก็พยายามจับตัว โอเคแฮปปี้ตัวไม่ร้อนแล้ว ซึ่งคุณหมอนัดอีกทีวันพุธมาตรวจอีกครั้งหนึ่ง จากคุณหมอบอกว่าเรซซิ่งเป็นเด็กที่แข็งแรง เพราะยังกินได้ ไม่ถ่ายเหลวมาก เพราะคุณหมอบอกว่าถ้าเด็กที่กินไม่ได้ อันนั้นน่ะจะมีปัญหา แต่เรซซิ่งยังกินได้หรือว่ายังโอเค
คุณหมอบอกไหมว่าจะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ ?
แพท ณปภา : บอกยากจังเลย เพราะว่าโรคมากับฝนมากับอากาศตอนนี้เพราะอากาศมันไม่โอเคเลย ตอนนี้เราโชคดีที่น้องยังไม่ได้เรียน เด็กส่วนใหญ่ที่เป็นคือเด็กที่ไปโรงเรียน ถามว่าเรากังวลขนาดไหน ตอนนี้เรียกว่าโอเคแล้ว แต่ก่อนหน้านี้คือ มันบอกไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไรแล้วเราพยายามรักษา แล้วสุดท้ายเราก็ไปหาคุณหมอซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะตอนตัวร้อน เราก็กลัวว่าเขาจะชักไหม เพราะเด็กถ้าชักแล้วมันไม่ดีเลย นั่นแหละคือสิ่งที่เรากลัวมากที่สุด
อย่างเวลาออกงานมาเจอผู้คนคุณหมอเตือนไหม ?
แพท ณปภา : ส่วนใหญ่เป็นหมอก็จะให้ดูแลอย่างเช่น ถ้าเสร็จแล้วขึ้นรถ ก็เช็ดไม้เช็ดมือตามประสา อย่างเราเราต้องบอกตรง ๆ ว่าเราติดลูกมาก เราชอบที่จะไปไหนกับลูก หรือเราไม่ใช่แบบที่ว่าเป็นแม่ที่ทำงานแล้วทิ้งลูกไว้กับพี่เลี้ยง คุณหมอก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นคุณแพททำใจไปเลย เพราะเท่านี้เรซซิ่งก็ถือว่าแข็งแรงมาก
มันเหนื่อยมากขึ้นไหม เพราะว่าต้องทำงานด้วยและก็ต้องดูแลลูกด้วย ?
แพท ณปภา : เหนื่อยตรงที่ว่าเรายังไม่ได้นอน เรายังไม่ได้นอนตั้งแต่ 6 โมงเช้า คือเราตื่นทั้งคืนเลยเพราะว่าเขาไม่สบายตัว แล้วเราเองก็ต้องตื่นมาทำรายการสด แล้วทั้งคืนลูกไม่นอนเลย แต่เราก็ต้องสู้ไง เราก็คิดว่าตอนเราเด็ก ๆ แม่เราคงเหนื่อยมาก คุณย่าแกคงต้องสุดยอดคนหนึ่ง ป่วยต้องมาป้อนยา เช็ดตัว ลูกดิ้นทีเราก็นอนไม่หลับ เพราะเราไม่รู้ว่าเขาดิ้นหรือเขาชัก
ไม่สามารถฝากใครดูแลลูกได้เลยเหรอ ?
แพท ณปภา : ใจหนึ่งเราก็อยากฝาก แต่ว่าเรารู้สึกว่าการที่เราพาลูกออกมา อย่างแรกเลยเขาได้เห็นอะไรเยอะ เรารู้สึกว่าเขาก็จะได้ไม่กลัวคน เพราะถ้าเราฝากน้องไว้ที่บ้าน คือที่บ้านเราเองก็มีคนป่วยอยู่แล้ว 2 คน เราเลยคิดว่าเราเอาออกมา ก็ไม่ได้เหนื่อยมากขึ้นเท่าไร
ภาพจาก Instagram pat_napapa |
มีข่าวว่าเราผิดใจกับแม่เบนซ์ ?
แพท ณปภา : เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลยค่ะ ฉะนั้นเรื่องผิดใจกันตัดออกไปก่อน เพราะทุกวันนี้ไม่ได้คุยกันเลย คงได้คุยกันอีกทีน่าจะช่วงที่ต้องคุยกัน คือตอนนี้แพทก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากที่เราแยกบ้านกัน แพทกลับมาอยู่บ้านแพท ทางแม่ของพี่เบนซ์เขาก็ต้องเตรียมเรื่องของพี่เบนซ์ เมื่อเดือนที่แล้วพี่เบนซ์เขาขึ้นศาลถี่มาก เราก็ต้องขึ้นด้วย เราก็เข้าใจแม่เขา เขาก็ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อเราเลย เขาก็ยอมรับตรง ๆ ว่าเขาเหนื่อยกับการเตรียมเอกสารต่าง ๆ จนมาตอนนี้แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย เราก็ทำความเข้าใจกับตัวเองว่าแกก็คงวุ่นวายเรื่องของพี่เบนซ์อยู่
ส่วนแพทกับพี่เบนซ์เราคุยกันแล้วว่าออกมาคงต้องคุยกันจริงจัง ว่าจะเอายังไงกับเรื่องลูก เพราะตอนนี้แพทเลี้ยงลูกคนเดียว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทุกอย่างคือแพทคนเดียว พอเราพูดกับพี่เบนซ์ไป แกก็บอกให้เรารอไปก่อน รอให้ทุกอย่างมันคลี่คลายกว่านี้ก่อน ว่าตัดสินแล้วเป็นไปในรูปแบบไหน แล้วเดี๋ยวเขาจะมาคุยกับเราอีกทีหนึ่ง ซึ่งแพทจะไม่ได้คุยกับแม่พี่เบนซ์อยู่แล้ว ต้องให้พี่เบนซ์เป็นคนคุยให้ แต่จุดนี้พี่เบนซ์เขายังไม่คุยให้เรา ก็เลยคิดว่าเราไม่พูดดีกว่า เราก็บอกว่าเราเลี้ยงลูกเราไหว ณ ตอนนี้เราก็เลี้ยงมาปีกว่าคนเดียว เราก็เลี้ยงไหว ถ้าต่อไปเราจะต้องเลี้ยงอย่างนี้อีกเราก็ไหว
การที่ไม่ได้คุยกัน มันทำให้ปัญหาแย่ลงไหม ?
แพท ณปภา : ตอนนี้ยอมรับตรง ๆ ว่าห่างเหินกับครอบครัวของพี่เบนซ์ แพทแยกมาตั้งแต่พี่เบนซ์ติดแรก ๆ เลย พอแยกแล้วการสื่อสารมันก็น้อยลงทันทีเลย ตอนแรก ๆ คุณแม่พี่เบนซ์เขาก็อยากให้เราเอาหลานไปเยี่ยมเขาบ้าง แต่เราเองรู้ว่ามันยาก ไปอยู่ตรงนั้นเราไม่สะดวกกับอะไรหลายอย่าง ทั้งที่อยู่ ลูกเราโตขึ้น ลูกเราต้องการใช้พื้นที่เยอะขึ้น แม่เราที่ต้องดูแลเพิ่มมากขึ้น พอเราเริ่มห่างออกมา การติดต่อน้อยลง หลัง ๆ การติดต่อก็จะเป็นเรื่องของคดีหมดเลย
จากการตีความการสัมภาษณ์ของแพท ช่วงหลัง ๆ ดูแล้วเหมือนจะไปกันไม่รอดเลย ?
แพท ณปภา : ก็ไม่ใช่แค่ทุกคนหรอกค่ะ ผัวดิฉันเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน คือเราก็พูดกับพี่เบนซ์ตรง ๆ เขาก็เข้าใจนะ วันล่าสุดที่แพทไปขึ้นศาลแล้วเจอกัน เราก็บอกเขาเลยว่าพี่เบนซ์รู้ใช่ไหมว่าแพทเลี้ยงลูกคนเดียวนะ แล้วลูกจะต้องเข้าโรงเรียนแล้วนะ ถึงมันจะอีกปีหนึ่ง แต่มันก็ต้องแพลนแล้วนะ เราก็พยายามบอก แต่ถ้าทางนั้นยังเงียบอยู่เราก็โอเค ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าสุดท้ายก็รอเลยแล้วกันว่าจะเอายังไง
ถ้าวันนี้ศาลตัดสินแล้วออกมาได้ เราสองคนต้องคุยกันแล้วนะว่าเราจะไปต่อกันแบบครอบครัว หรือจะแค่ทำหน้าที่พ่อกับแม่ ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ ถ้าได้ก็ต้องปรับตัวมาก ๆ เลย เพราะตอนที่พี่เบนซ์ไปน้องอายุ 3 เดือน เขายังไม่รู้เรื่อง แล้วตัวพี่เบนซ์ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรเยอะแยะมากมาย ตอนนี้ลูกขวบหกเดือนแล้ว กว่าเขาจะได้ออก ลูกก็ 2 ขวบแล้ว แพทก็คุยกับเขาตรง ๆ ทุกคนก็รู้ คนรอบข้างก็รู้ว่าแพทดูแลลูกคนเดียว แพททำงานหนักมาก แพทก็บอกเขาว่าอย่าคาดหวังว่าแพทจะต้องไปเยี่ยมเขาตามตารางเป๊ะ ๆ ทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละวัน แพททำไม่ได้ แพทเอางานมาก่อน
ภาพจาก Instagram pat_napapa |
พอเราอธิบายไปเขาเข้าใจไหม ?
แพท ณปภา : เขาเข้าใจ เขาบอกแพทไม่ต้องมาก็ได้ ถ้าสมมติว่าพี่เลี้ยงว่างก็เอาลูกไปอย่างเดียวก็ได้ เราก็เลยโอเคว่าเขาคงเข้าใจเรา
หลายคนมองว่าเราทิ้งเบนซ์ ?
แพท ณปภา : ไม่เกี่ยวกับทิ้งหรอกค่ะ แพทเชื่อว่าคนที่มีครอบครัว สุดท้ายแล้วไม่มีใครอยากเดินมาถึงจุดที่มันแยกกัน และตอนนี้แพทกับพี่เบนซ์เราก็ยังไม่ได้แยกกัน แค่รอคุยกัน คนจะคิดว่าคนข้างในเขามีความหวังเป็นเรา เราอย่าทิ้งเขา แต่คุณต้องมองคนข้างนอกด้วยว่า คนข้างนอกก็หวังเหมือนกันที่จะมีครอบครัวที่แข็งแรง รวมถึงคาดหวังการดูแล แพทเชื่อว่าต่อให้เขาอยู่ข้างในเขาก็ยังดูแลเราได้ ทีนี้มันก็ต้องลองดูว่าเราสามคนจะคุยกันแบบไหน โอเคเรากลับมาแล้วเราต้องจูงมือกันไปให้ได้นะ หรือเราคุยแล้วมันไม่ได้จริง ๆ ก็ไม่เป็นไร
ทุกวันนี้ถือว่าเราสตรองพอไหม หรือว่าบางวันแอบมีน้ำตา ?
แพท ณปภา : ไม่เลยค่ะ ด้วยความที่เรามีอะไรหลายอย่างให้ทำเยอะมาก ลูกก็ต้องการการดูแลแบบเต็มร้อย งานก็ต้องเต็มร้อย เราเลยแทบจะไม่มีเวลามาคิดเรื่องตรงนั้นว่าทำไมนั่นทำไมนี่ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ให้ก็คือไม่ให้ ติดต่อก็คือติดต่อ ไม่ติดต่อก็คือไม่ติดต่อ ไม่ว่างด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่เป็นไร
เราเตรียมใจกับการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไว้ไหม ?
แพท ณปภา : เพิ่งจะมาเตรียมหลังจากที่เราได้คุยกับพี่เบนซ์ ฟีดแบ็กมันน้อย พอมันน้อยเราก็ค่อย ๆ เตรียมมาเรื่อย ๆ