ไสยศาสตร์อัศจรรย์วิชาเสือสมิงศาสตร์แห่งไสย

ไสยศาสตร์อัศจรรย์วิชาเสือสมิงศาสตร์แห่งไสย
สามเณรครูบาธรรมชัยลำดับความมุ่งมั่นตัดสินใจออกธุดงค์ครั้งนี้นั้นเนื่องจากประสงค์จะดั้นด้นเข้ามาในป่าในเขาก็หวังจะขัดเกลากิเลสให้หมดสิ้นไปเพื่อจะได้ล่วงพ้นกองทุกข์ใหญ่ในกายสังขารนี้เป็นสำคัญ โดยตั้งใจจะสิ้นภพสิ้นชาติไปในชาตินี้ไม่เวียนว่ายตายเกิดมารับทุกข์อีกต่อไปแต่พอมาเจอรอยเท้าเสือเท่านั้นกลับเกิดความรักตัวกลัวตายอย่างไร้สติ

เมื่อคิดได้เช่นนี้สติก็สามารถควบคุมจิตได้ความกลัวเสือ กลัวความตายพันหายไป จิตเกิดความองอาจกล้าหาญสลายความหวาดหวั่นพรั่นพรึงไปจนหมดสิ้นจึงได้นั่งลงพิจารณาความเป็นจริงกลับไปกลับมาเท่าที่ความรู้ในทางธรรมซึ่งครูอาจารย์อบรมสั่งสอนมากำหนดพิจารณาเพียงเป้าหมายเดียวจิตก็รวมตัวเข้าสู่ความสงบดิ่งลงเป็นสมาธิไม่รับรู้อารมณ์อื่นใดทั้งสิ้น

สามเณรครูบาธรรมชัยอยู่ในสมาธินั่นนานจูบจนเวลาเลื่อนไหลไปสู่ช่วงเย็น แดดอ่อนๆสัตว์จากยอดไม้เดนจึงคายออกจากสมาธิจิตมีความปลอดโปร่งปราศจากความวิตกกังวลใดๆมากล้องติดเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาอันเหมาะสมจึงเตรียมตัวจะไปส่งน้ำที่ลำห้วยเพื่อชำระร่างกาย

สามเณรเดินจากร่มไม้ตรงไปยังลำห้วยแหล่งน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลนักพอพ้นพุ่มไม้ดกหนาออกไปเต็มตัวก็ประสบเข้ากับภาพที่ไม่คาดฝันว่าจะพบเห็น

ที่นั่นริมห้วยน้ำใส เสือโคร่งตัวมหึมากำลังก้มกินน้ำอยู่ ทันทีที่สามเณรปรากฏตัวเสื้อตัวนั้นก็หันขวับกลับมา เณรตกตะลึงนะจังงังและเสือก็คงตกตะลึงเช่นกันเสือใหญ่เจ้าป่าหมุนตัวย่อขาลงเตียงจู่โจมเข้ากับคุกพลางส่งเสียงคำรามกระหึ่ม ตบะบารมีของเสือสมิงกินคนบีบคั้นกดดันจนสติสามเณรไม่อาจควบคุมได้ ความรักตัวกลัวตายที่สูญหายไปหวนกลับมาในพริบตานั้น เสือใหญ่แผดเสียงสนั่นแล้วกระโจนเข้าตะปบ  ด้วยความตกใจ เณรผงะถอยหลังบังเอิญมีรักไม้ขวางอยู่ข้างหลังจึงสะดุดรักไม้ล้มหงายหลังร่างเสือลอยละลิ่วผ่านไปอย่างฉิวเฉียดพอถึงพื้นก็กระโจมแถวเข้าป่าหายไป

ส่วนสามเณรครูบาธรรมชัยยังนอนหงายตัวสั่นเทาด้วยความตกใจกลัวสุดขีดคิดว่าตัวเองคงเป็นเหยื่อให้เสือกินแน่แต่เสือไม่ได้หวนมาขย้ำกลับหายเงียบไป แน่นอนท่าเดิมอยู่พักใหญ่จึงได้สติลุกขึ้นมานั่งพิจารณาจิตของตัวเองด้วยความละอายใจเพราะแท้จริงแล้วจิตของตนก็ยังถูกความหวาดกลัวครอบงำไม่เลิกการที่จิตอ่อนไว้ให้อารมณ์มีอำนาจเหนือกว่าเพราะขาดสติมั่นคงเมื่อขาดสติปัญญาก็พลอยมืดบอดอย่างน่าสังเวช เมื่อพิจารณาได้เช่นนี้สามเณรก็ตัดสินใจจะตามไปหาเสือตัวนั้นอีกครั้งเมื่อจิตมันยังหวั่นไหวกับกิเลสความกลัวก็จะยอมให้เสือฉีกกินเนื้อให้รู้แล้วรู้รอดไปเสีย การที่เณรตัดสินใจมอบกายถวายชีวิตแก่เสือเพราะคิดว่าแค่อารมณ์ความกลัวเพียงเท่านี้ยังตัดไม่ขาดแล้วจะตัดกิเลสอันใหญ่หลวงที่ครอบงำชีวิตได้อย่างไรดังนั้นแทนที่จะส่งน้ำชำระร่างกายสามเณรกับเดินตามรอยเสือซึ่งกระทำไว้บนพื้นดินไปเรื่อยๆหวังเอาไว้ว่าจะเผชิญกับเสืออีกครั้งเพื่อดูว่าจิตมันจะขาดกลัวเหมือนเดิมหรือไม่หากยังไม่สามารถควบคุมสติได้ก็จะให้เสือมันขบกัดจนตายไปเสียเถอะ

คิดเช่นนี้สามเณรก็เดินดุ่มเป็นฝ่ายตามหาเสือเสียเองไม่รอให้เสือมาตามล่าเอาชีวิตเช่นที่ผ่านมาร่องรอยของเสือพอจะเห็นได้ชัดเจนเป็นระยะร้อยนั้นมุ่งตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ที่เณรยึดเป็นที่พักภาวนาปฏิบัติธรรมคล้ายกับว่าเสือจะย้อนไปดักรอคอยเพื่อหาโอกาสสังหารเณร เวลานั้นสามเณรครูบาธรรมชัยจิตใจมั่นคงองอาจไม่กลัวตายแม้จะเห็นรอยเท้าเสือบ่ายหน้าไปยังที่พักของตนแต่ความหวั่นไหวสะดุ้งกลัวก็ไม่เคยขึ้นคงเดินแน่วแน่ๆไปยังต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีบริการวางอยู่

เมื่อเข้าไปใกล้มองไปข้างหน้าแทนที่จะเห็นเสือใหญ่กลับเห็นเป็นพระธุดงค์รูปหนึ่งนั่งสงบตรงโคนต้นไม้ใหญ่คลังเดินเข้าไปใกล้ก็สังเกตเห็นว่าพระธุดงค์รูปนั้นมีผิวกายคล้ำเกรียมแต่มีสง่าราศีเปล่งปลั่งน่าเลื่อมใสเณรเดินเข้าไปใกล้พอสมควรแล้วทรุดกายลงนอนนมัสการ

"กำลังเดินตามหาเสือ จะให้เสือมันกินหรือเณร"

คำพูดที่พระธุดงค์ทักทายทำเอาเณรนั้นสะดุ้งเพราะประหนึ่งท่านรู้วาระจิตโดยตลอด เณรไม่ตอบคำพูดถึงคำถามนั้นหากย้อนถามท่านไปว่า

"พระคุณเจ้าเคยพบเห็นเสือตัวหนึ่งบ้างไหมขอรับ"

เห็นหรือไม่เห็นก็ไม่ได้มีความหมายสำคัญอะไร พระธุดงค์ตอบ
ใจของเรานั้นสำคัญกว่าสิ่งอื่นภายนอก หากใจ สะอาดบริสุทธิ์มีศีลมีสมาธิมีปัญญาเต็มภูมิแล้ว เสือสมิงหรือสัตว์ใดๆก็จะไม่เข้ามาข้องแวะและประสงค์ร้าย

เณรกราบเรียนถามท่านว่ามีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไรและจำพรรษาอยู่วัดไหน ทว่าพระธุดงค์รูปนั้นก็ไม่ตอบคำถามท่านบอกเพียงแต่ว่าเป็นพระธุดงค์ซึ่งจาริกไปเรื่อยๆเพื่อปฏิบัติธรรม จากนั้น ท่านก็ได้กล่าวแนะนำเข้าทำให้แก่สามเณรครูบาธรรมชัยอีกหลายข้อ รวมทั้งแนวทางการภาวนาและการเดินจงกรมที่ถูกวิธีเพิ่มเติม ข้อสำคัญที่สุดที่พระธุดงค์ลึกลับเมตตาแนะนำก็คือการปฏิบัติธรรมกระทำความเพียรนั้นควรมีครูบาอาจารย์แนะนำสั่งสอนเมื่อใดที่ขัดข้องในข้อธรรมใดใดครูอาจารย์จะได้ช่วยแนะนำให้เข้าใจจนชัดเจนท่านยังชี้แนะอีกว่า

"เณรควรไปนอบน้อมกราบไหว้ฝากตัวเป็นศิษย์ท่านครูบาศรีวิชัย มหาเถรผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาเถิด"

เณรก็ก้มกราบรับเอาคำแนะนำทั้งหลายไว้ด้วยความเคารพ เมื่อสนทนาเพียงแค่นี้ พระธุดงค์ลึกลับก็จะไปอย่างเงียบๆโดยไม่รู้ว่าท่านจะไปที่ใดอีก พระธุดงค์รูปนี้จะเป็นผู้สำเร็จวิชาเสือสมิง หรือเสือเย็นใช่หรือไม่ เป็นเรื่องที่ ยากที่จะระบุลงไป แต่ถ้าท่านสำเร็จวิชาดังกล่าวถึงขั้นจำแลงแปลงกายได้จริงๆคงเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะเปลี่ยนรูปไปเป็นเจ้าป่าแล้วออกอาละวาดฆ่าวัวฆ่าควายของชาวบ้านทั้งยังสังหารกินคนให้เป็นบาปกันอันหนักหนาสาหัสเข้าไปอีก

อาจเป็นไปได้ว่ามีเสือจริงบุกรุกเข้ามาคบกับวัวควายของชาวบ้านและสังหารผลาญชีวิตผู้คนบังเอิญมีผู้พบเห็นพระธุดงค์ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเลยเหมาเอาว่าเป็นพระธุดงค์ที่มีวิชาเสือสมิงจำแลงแปลงกายแล้วกลายเป็นเรื่องเล่าบอกต่อขยายความจนแพร่หลายไปทั่ว

นี่คือเกร็ดเล็กๆในอรรถประวัติของท่านครูบาธรรมชัยเจ้าอาวาสวัดทุ่งหลวงอำเภอแม่แตงจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งท่านเคยเกี่ยวข้องกับพระธุดงค์ลึกลับรูปหนึ่งที่น่าสงสัยว่าจะสำเร็จวิชาเสือสมิงหรือเสือเย็น

ได้เขียนเล่ากล่าวอ้างเรื่องเสือสมิงมาหลายเรื่องแล้วเพื่อเสนอข้อมูลหลักฐานยืนยันว่าวิชาเสือสมิงน่าจะมีจริงๆและมีผู้เรียนวิชานี้สำเร็จมาแล้วกระนั้นก็ยังมีเรื่องวิชาจำแลงแปลงร่างกายจากมนุษย์ไปเป็นสัตว์ได้ปรากฏอย่างน่าอัศจรรย์ซึ่งเป็นภาวะเหลือเชื่อเหนือโลกจนปุถุชนคนธรรมดายากจะให้เชื่อถือได้อย่างสนิทใจ