อาชีพเสี่ยงตายที่สุดในโลก
ทะเลเบริงอยู่ทางทิศตะวันออกของรัสเซียและอลาสก้าแต่พื้นที่ของทะเลดังกล่าวอยู่ไกลแสนไกลจากพื้นดินที่เป็นฝั่งอย่างมากทั้งภูมิอากาศแถบนั้นยังหนาวเย็นอย่างร้ายกาจและที่สุดโหดยิ่งกว่าอื่นใดก็คือกระแสลมรุนแรงและเกลียวคลื่นอันบ้าคลั่งที่ปั่นป่วนตลอดเวลาตามปกติแล้วความสูงของคลื่นโดยเฉลี่ยจะอยู่ประมาณราว 10 ถึง 20 ฟุตซึ่งก็ถือว่าเป็นคลื่นทะเลที่อันตรายอย่างมากแต่ถ้าเป็นห่วงเวลาระหว่างเดือนตุลาคมถึงมกราคม ความรุนแรงของคลื่นจะเข้าสู่ภาวะวิกฤตคือมีคลื่นสูงถึง 50 ฟุตขึ้นไปและบางครั้งถึงขั้นนรกแตกคือคลื่นสูงถึง 80 ฟุตสามารถกลบฝัวเรือประมงเดินทะเลให้จมหายไปได้ง่ายๆ
แม้ว่าภาวะอากาศจะเลวร้ายสุดๆด้วยความหนาวเย็นและคลื่นทะเลที่บ้าคลั่งอย่างน่าสยดสยอง แต่เรือล่าปูอลาสก้าก็ไม่พรั่นพรึงที่จะฝ่าเข้าไปในพื้นที่ทำประมงที่อันตรายที่สุดในโลก เนื่องจากในห้วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ปูอลาสก้า 2 ประเภทคือ ปู King Crab และ Opilio Crab จะมาชุมนุมอยู่ในพื้นที่แห่งนี้เพื่อผสมพันธุ์ซึ่งเป็นวาระเดียวของปีที่มีโปรมาชุมนุมกันใต้ท้องทะเลมากที่สุดรวมทั้งทางการจะอนุญาตให้ล่าปูทั้งสองประเภทนี้ได้ในเวลาจำกัดดังกล่าวเพียงครั้งเดียวใน 1 ปีเท่านั้น กัปตันเรือทะเลล่าปูอลาสก้าต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อมของเรือและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ทุกอย่างบนเรือถึง 2 เดือนเต็ม ก่อนจะนำเรือออกล่าปูขนาดใหญ่ราคาแพงอย่างเสี่ยงชีวิต
ลูกเรือที่จะไปกับเรือต้องมีคุณสมบัติพิเศษจริงจึงจะผ่านการคัดเลือกจากกัปตัน ขั้นแรกสุดต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์มีความทรหดอดทนสูงต่องานหนักซึ่งจะเผชิญในช่วงของการล่าปูเพราะลูกเรือทุกคนต้องทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนไม่ต่ำกว่า 20 ชั่วโมงการพักผ่อนนอนหลับแทบจะเป็นไปไม่ได้ เรื่องจะเลือนั้นสั่นสะท้านโครงเครงอย่างหนักจากกระแสขึ้นลมบ้าคลั่งตลอดเวลาเมื่อการล่าปูอลาสก้าเริ่มขึ้นกรงดักปูซึ่งใส่เหยื่อล่อเอาไว้จะถูกเหวี่ยงลงไปในทะเลหลายสิบกรงโดยมีทุ่นลอยผูกไว้ให้เห็น เมื่อเดือวกกลับลูกเรือจะเกี่ยวเอากรงขึ้นมาบนเรือแล้วแยกย้ายกันเอาปูที่อยู่ในกรงออกมาคัดเลือกปูที่มีขนาดมาตรฐานใส่ในที่เก็บใต้ท้องเรือส่วนผู้ที่ไม่ได้ขนาดจะถูกโยนกลับทะเลไปแต่การล่าปูอลาสก้าก็เหมือนกับการวัดดวงเหมือนกันเพราะแม้แต่กัปตันซึ่งมีประสบการณ์สูงก็ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าพื้นที่ไหนที่มีปูอยู่มากหรือน้อยหรือไม่มีเอาสักตัวการลากกรงดักขึ้นจากทะเลอาจมีโปรจำนวนมากในกรงหรืออาจไม่มีปูเลยก็ได้
ลูกเรือทุกคนในเรือล่าปูอลาสก้าจะมีรายได้จากจำนวนปูทั้งหมดที่จับได้เพราะฉะนั้นทุกคนจะต้องทำงานหนักตามหน้าที่ที่รับผิดชอบและสิ่งอันตรายตลอดเวลาระหว่างทำงานเนื่องจากจำเป็นจะต้องทุ่มเทสมาธิและความมุ่งมั่นต่อภารกิจของตนสูงสุดหากประมาทเลินเล่อก็อาจเกิดอันตรายต่อตัวเองได้ง่ายเช่น กรงดักปูที่หนักไม่ต่ำกว่า 800 ปอนด์อาจจะวิ่งมากระแทกถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสบางครั้งก็อาจเสียชีวิตหรืออาจถูกคลื่นกว่าตกทะเลซึ่งโอกาสรอดชีวิตแทบไม่มีเพราะน้ำทะเลนั้นเย็นมากและคลื่นที่บ้าคลั่งจะสามารถติดชีวิตได้ทันที เหตุนี้การล่าปูของบรรดาเรือประมงล่าปูอลาสก้าทุกฤดูกาลจะมีลูกเรือเสียชีวิตหรือสูญหายไม่น้อยกว่า 1 รายเสมอหรือมีเรือลากปูถูกคลื่นกว่าจนล่มจมหายไปทั้งลำทุกชีวิตบนเรือหมดโอกาสรอดชีวิตกลับมาซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว
แต่ถ้าอยู่รอดปลอดภัยกับมาโดยทำงานหนักตลอด 7 ถึง 30 วันและได้ปูที่อัดแน่นเต็มที่เก็บใต้ท้องเรือก็จะหมายความว่าทุกคนจะมีรายได้สามารถเลี้ยงชีพไปตลอดปีโดยจะมีรายได้เฉลี่ยอยู่ประมาณคนละ 1.7 ถึง 3.5 ล้านบาทในหนึ่งฤดูกาลทีเดียว เหตุนี้งานหนักและสิ่งชีวิตสูงในเรือล่าปูอลาสก้าจึงมีผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าและท้าทายความกล้าความทรหดสำหรับนักผจญภัยทุกคน